More
    หน้าแรกBusinessจีนเผยแผนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ 2026-2030: พลิกโฉมประเทศด้วย "เทคโนโลยีบ้าน ๆ" และระบบอุตสาหกรรมยุคใหม่

    จีนเผยแผนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ 2026-2030: พลิกโฉมประเทศด้วย “เทคโนโลยีบ้าน ๆ” และระบบอุตสาหกรรมยุคใหม่

    ขณะที่โลกยังจับตามองความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ผู้นำแดนมังกรได้ออกแบบสร้างแผนยุทธศาสตร์ที่อาจเปลี่ยนโฉมหน้าเศรษฐกิจโลกไปตลอดกาล จีนเพิ่งเปิดเผย “แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 5 ปี ครั้งที่ 15” ที่วางเป้าหมายการพัฒนาประเทศระหว่างปี 2026-2030 ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะเป็นตัวกำหนดว่าจีนจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นประเทศพัฒนาแล้วได้หรือไม่

    เป้าหมายใหญ่: พึ่งพาตัวเองได้ครบวงจร

    หัวใจสำคัญของแผนครั้งนี้คือการสร้าง “ระบบอุตสาหกรรมสมัยใหม่” และเร่งพัฒนาเทคโนโลยีให้พึ่งพาตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ หลังจากที่สหรัฐฯ และพันธมิตรออกมาตรการคว่ำบาตรและจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังจีน ทำให้ปักกิ่งตัดสินใจหันมาพึ่งพาตัวเองมากขึ้น

    เจิ้ง เซิ่นเจี๋ย หัวหน้าคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ เปิดเผยว่า จีนจะมุ่งเน้นการ “อัปเกรดอุตสาหกรรมเดิม ขยายอุตสาหกรรมใหม่และอุตสาหกรรมแห่งอนาคต” พร้อมทั้งสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย

    เครดิต: China Face CRI Thai

    นวัตกรรมที่จะเปลี่ยนโลก

    ที่น่าตื่นเต้นคือ จีนกำลังเตรียมพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยหลากหลายสาขา ตั้งแต่ คอมพิวเตอร์ควอนตัม ไปจนถึง เครือข่าย 6G ที่จะเร็วกว่า 5G อีกหลายเท่าตัว

    เทคโนโลยีที่จีนกำลังเร่งพัฒนาครอบคลุม:

    • ปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง
    • เทคโนโลยีไบโอและพันธุกรรม
    • พลังงานไฮโดรเจน
    • การหลอมนิวเคลียร์
    • อินเตอร์เฟซสมอง-คอมพิวเตอร์

    แก้ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ

    นอกจากเทคโนโลยีแล้ว จีนยังต้องแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศที่สำคัญ นั่นคือการเพิ่ม การบริโภคภายในประเทศ ให้มากขึ้น เพราะในขณะนี้ชาวจีนยังประหยัดมากเกินไป ทำให้เศรษฐกิจไม่หมุนเวียนเท่าที่ควร

    หาน เหวินซิว รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางพรรคฯ ด้านการเงินและเศรษฐกิจ กล่าวว่า จีนมีเป้าหมายเพิ่ม “สัดส่วนการบริโภคของครัวเรือนต่อ GDP อย่างมีนัยสำคัญ” แม้จะไม่ระบุตัวเลขที่แน่นอน

    การแข่งขันกับสหรัฐฯ: เกมยาว vs เกมสั้น

    สิ่งที่น่าสนใจคือ จีนกำลังใช้แผน 5 ปีนี้เป็นอาวุธในการแข่งขันกับสหรัฐฯ โดยเน้นย้ำว่าระบบการวางแผนระยะยาวของจีนเป็น “ข้อได้เปรียบทางการเมืองที่สำคัญ” เมื่อเทียบกับระบบประชาธิปไตยที่มักเปลี่ยนนโยบายบ่อยตามการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาล

    เจียง จินฉวน เจ้าหน้าที่สำนักวิจัยนโยบายคณะกรรมการกลางพรรคฯ กล่าวว่า “การกำหนดและดำเนินการตามแผนห้าปีอย่างเป็นวิทยาศาสตร์เป็นประโยชน์ทางการเมืองที่สำคัญของสังคมนิยมแบบจีน หลายฝ่ายการเมืองต่างประเทศอิจฉาเราในเรื่องนี้”

    กราฟเปรียบเทียบการเติบโตทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและสหรัฐฯ ปี 2020-2030 (รวมคาดการณ์)

    เป้าหมาย 2035: ก้าวสู่ประเทศพัฒนาแล้ว

    แผนนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเป้าหมายใหญ่ที่จีนวางไว้ คือการ “บรรลุการพัฒนาสังคมนิยมสมัยใหม่โดยพื้นฐาน” ภายในปี 2035 ซึ่งหมายความว่า GDP ต่อหัวของจีนจะต้องเท่ากับประเทศพัฒนาแล้วระดับกลาง

    จู กวางเหยา อดีตรองรัฐมนตรีการคลัง คาดการณ์ว่า จีนสามารถเติบโตได้ 4.5-5% ต่อปีในช่วง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการบรรลุเป้าหมายปี 2035

    ผลกระทบต่อประเทศไทย

    สำหรับประเทศไทย แผนยุทธศาสตร์ของจีนครั้งนี้น่าจะส่งผลในหลายด้าน:

    โอกาส:

    • การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน EV และเทคโนโลยีสีเขียว
    • ความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนา
    • การส่งออกสินค้าเกษตรและวัตถุดิบไปจีน

    ความท้าทาย:

    • การแข่งขันด้านการผลิตและส่งออก
    • ความจำเป็นในการพัฒนาเทคโนโลジีของไทยให้ทันจีน
    • การปรับตัวของอุตสาหกรรมไทยให้รองรับการเปลี่ยนแปลง

    มองไปข้างหน้า

    แผน 5 ปีของจีนครั้งนี้ไม่ใช่แค่เอกสารทางเศรษฐกิจ แต่เป็นแผนที่จะกำหนดทิศทางของเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษนี้ ความสำเร็จของแผนนี้จะเป็นตัวกำหนดว่าจีนจะสามารถแซงหน้าสหรัฐฯ กลายเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกได้หรือไม่

    สิ่งที่แน่นอนคือ การที่จีนสามารถวางแผนระยะยาวและดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ ขณะที่หลายประเทศยังติดอยู่กับการเมืองระยะสั้นและการเปลี่ยนแปลงนโยบายบ่อยครั้ง ซึ่งอาจเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้จีนมั่นใจว่าตนจะชนะในเกมการแข่งขันระยะยาวนี้

    ทิ้งคำตอบไว้

    กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
    กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

    Must Read

    spot_img