คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เผยตัวเลข “ใบสมัครขอส่งเสริมการลงทุน” ช่วงมกราคม–กันยายน 2025 แตะ 1.37 ล้านล้านบาท หรือราว 42.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้ง BOI และเพิ่มขึ้นถึง 94% เมื่อเทียบปีก่อน โดยแรงขับหลักมาจาก FDI โครงการใหญ่ในภาคดิจิทัล โดยเฉพาะศูนย์ดาต้าและสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์
หัวใจข่าวนี้คืออะไร และทำไมสำคัญตอนนี้
ตัวเลข 1.37 ล้านล้านบาทจาก “ใบสมัครลงทุน” สะท้อนเม็ดเงินใหม่ที่ต่างชาติและไทยสนใจนำเข้า ตั้งแต่วิศวกรรมขั้นสูงถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ซึ่งมีผลต่อการจ้างงาน โครงข่ายคลาวด์ และห่วงโซ่อุตสาหกรรมในประเทศ โดยจำนวนโครงการที่ยื่นเพิ่ม 23% เป็น 2,622 โครงการ และ FDI คิดเป็น 72% ของมูลค่ารวม แสดงพลังลงทุนจากข้ามชาติที่เชื่อมั่นศักยภาพเศรษฐกิจไทยในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล
อะไรใหม่ ใครเกี่ยวข้อง เกิดอะไรขึ้น
BOI ระบุใบสมัครมูลค่า 1.37 ล้านล้านบาทใน 9 เดือนแรกปี 2025 เป็นสถิติสูงสุดรอบ 60 ปีขององค์กร เพิ่มปีต่อปี 94% พร้อมคำยืนยันจากเลขาธิการ BOI ว่าเม็ดเงินสมัครทั้งปี 2025 มีแนวโน้มแซงหน้าปี 2024 อย่างชัดเจน
โครงสร้างดีมานด์นำโดย “ดาต้าเซ็นเตอร์–บริการคลาวด์–สมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์” สอดรับทิศทางครึ่งปีแรกที่ BOI รายงานว่าดิจิทัลพุ่ง 20 เท่า มูลค่าโครงการดาต้าเซ็นเตอร์รวมกว่า 5.21 แสนล้านบาทจาก 28 โครงการ เฉพาะไตรมาส 1 ปี 2025 เพียงไตรมาสเดียว ใบสมัครลงทุนแตะ 431.2 พันล้านบาท เพิ่ม 97% YoY ตอกย้ำว่าดิจิทัลยืนหนึ่งต่อเนื่อง ตั้งแต่ดาต้าเซ็นเตอร์ไปจนถึงบริการดิจิทัลและเมกะโปรเจกต์โครงสร้างพื้นฐาน (เช่น รถไฟฟ้า)
ผลกระทบและประโยชน์ต่อผู้ใช้–ธุรกิจ–อุตสาหกรรม
แน่นอนว่าผู้ใช้ปลายทางได้ประโยชน์จากการเข้าถึงบริการออนไลน์เร็วขึ้น เสถียรขึ้น และค่าแฝงต่ำลง เมื่อโครงข่ายคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ตั้งในประเทศ ทำให้เกม สตรีมมิ่ง อีคอมเมิร์ซ และแอปองค์กรทำงานลื่นกว่าเดิม อีกทั้งธุรกิจไทย โดยเฉพาะสตาร์ทอัพและ SMEs จะได้อานิสงส์จากโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ระดับโลกในประเทศ ลดต้นทุนแบนด์วิดท์–ดาต้าทรานสเฟอร์ และเปิดทางสู่บริการ AI/Big Data ระดับเอนเตอร์ไพรซ์ในราคาที่แข่งขันได้ ในส่วนของภาคการผลิตอิเล็กทรอนิกส์และสมาร์ทดีไวซ์มีแนวโน้มเชื่อมกับห่วงโซ่มูลค่าโลกมากขึ้น จากแรงดึงของโครงการสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์และ E&E ที่ยังเป็นแม่เหล็กลงทุนต่อเนื่อง
ตัวอย่าง–เคสจริง–ตัวเลขเดียวที่จำได้
ครึ่งปีแรก 2025 โครงการดาต้าเซ็นเตอร์รวม “521,200 ล้านบาท” จาก 28 โครงการ ถือเป็นตัวเลขเดียวที่ควรจำ เพราะสะท้อนทิศทางไทยสู่ศูนย์กลางคลาวด์ในภูมิภาค และ 9 เดือนแรก ของปี 2025 FDI คิดเป็น 985.3 พันล้านบาท หรือ 72% ของมูลค่าใบสมัครทั้งหมด ชี้ให้เห็นแรงขับจากทุนต่างชาติในภาคเทคโนโลยี ทั้งนี้จำนวนใบสมัครทั้งระบบช่วง 9 เดือนเพิ่มเป็น 2,622 โครงการ เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สะท้อนกิจกรรมลงทุนกว้างขึ้น ไม่ใช่แค่เมกะโปรเจกต์
ข้อจำกัด–ข้อควรระวัง–ทางเลือกใกล้เคียง
ทั้งนี้ทั้งนั้น ใบสมัครลงทุนไม่เท่ากับ “เงินลงทุนที่ลงจริง” ทั้งหมด ยังต้องผ่านการอนุมัติ เงื่อนไข และการดำเนินการ ซึ่งอาจล่าช้าจากปัจจัยภายนอก เช่น เศรษฐกิจโลก–ซัพพลายเชน ข้อที่นักลงทุนจะต้องพิจารณา โดยเฉพาะดาต้าเซ็นเตอร์ที่ต้องใช้พลังงานและน้ำสูง จำเป็นต้องวางแผนโครงสร้างไฟฟ้า โซลูชันระบายความร้อน และมาตรการ ESG เพื่อไม่ให้กระทบความยั่งยืนระยะยาว
คู่แข่งคือประเทศในภูมิภาคเพื่อนบ้านเราก็เร่งดึงดูดดาต้าเซ็นเตอร์เช่นกัน ไทยต้องเร่งปัจจัยพื้นฐาน เช่น ค่าไฟฟ้าคงที่ มาตรฐานความปลอดภัยข้อมูล และทักษะแรงงานดิจิทัล เพื่อรักษาความสามารถแข่งขัน
อธิบายศัพท์เทคนิคแบบง่าย
- ดาต้าเซ็นเตอร์: อาคารหรือศูนย์กลางที่ติดตั้งเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากสำหรับเก็บและประมวลผลข้อมูลของบริการออนไลน์และคลาวด์
- คลาวด์: การใช้คอมพิวเตอร์–สตอเรจผ่านอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการแทนการตั้งเครื่องเอง ช่วยยืดหยุ่นและประหยัดต้นทุน
- FDI (Foreign Direct Investment): เงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติที่เข้ามาตั้งกิจการหรือขยายฐานการผลิต/บริการในไทย
- สมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์: อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ เช่น ชิ้นส่วนสำหรับ IoT รถยนต์สมัยใหม่ หรือดีไวซ์ที่มีไมโครคอนโทรลเลอร์ขั้นสูง
- ใบสมัครขอส่งเสริมการลงทุน (BOI): ขั้นตอนที่นักลงทุนยื่นเพื่อขอสิทธิประโยชน์ภาษีและไม่ใช่ภาษี ก่อนจะเดินหน้าลงทุนจริง
แนวโน้ม–ทิศทางต่อไป และมุมที่เกี่ยวกับประเทศไทย
- สัญญาณจากไตรมาส 1 และครึ่งปีแรกบอกว่า “ดิจิทัลคือพระเอก” ทั้งปี 2025 และมีโอกาสที่ภาพรวมใบสมัครจะมากกว่าปี 2024 อย่างมีนัยสำคัญ หากไทยบริหารโครงสร้างพื้นฐานไฟฟ้า น้ำ และที่ดินได้ทันการเติบโต
- สำหรับไทย การดึงเมกะโปรเจกต์ดาต้าเซ็นเตอร์ช่วยยกระดับศูนย์กลางดิจิทัลของภูมิภาค เปิดงานสายไอที–วิศวกรรม และต่อท่อโอกาสให้สตาร์ทอัพไทยเชื่อมบริการ AI/คลาวด์ระดับโลกในประเทศ
- ด้วยความเชื่อมั่นที่สะท้อนผ่าน FDI สัดส่วน 72% ไทยมีโอกาสเร่งอัปสกิลบุคลากรดิจิทัลและยกระดับมาตรฐานดาต้าพรอเทคชัน เพื่อเพิ่มความยั่งยืนของกระแสลงทุนระยะยาว
