More
    หน้าแรกTechSamsung โคตรจัดเต็ม! ฟีเจอร์ AI ใหม่ที่เคลมว่าจะเปลี่ยนโลกแน่นอน

    Samsung โคตรจัดเต็ม! ฟีเจอร์ AI ใหม่ที่เคลมว่าจะเปลี่ยนโลกแน่นอน

    Samsung AI Forum 2025 พึ่งจบไปเมื่อวันที่ 15-16 กันยายน ที่ UniverSE campus ใน Yongin เกาหลีใต้ และต้องบอกเลยว่าปีนี้จัดหนักมาก! เป็นปีที่ 9 แล้วสำหรับงานระดับโลกที่รวบรวมเหล่า AI genius และ tech expert จากทั่วโลกมาโชว์ของเทพ ขณะที่บางแบรนด์ยังคงอ้างว่า “จะออกมาปีหน้า” (เดาเอาเองว่าใคร 😏)

    Credit: Samsung NewsRoom

    ครั้งนี้ Samsung มาด้วยคอนเซ็ปต์ใหม่ “Vertical AI Strategies” กับ “Vision for the Semiconductor Industry” ที่จะเปลี่ยนทุกอย่างที่เราคิดเรื่อง AI และชิปคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่แค่เอา AI มาใส่ชื่อผลิตภัณฑ์แล้วปล่อยมันออกมาแบบไม่ได้ดูแลไปซ่อมปีหน้า แต่เอาจริงเอาจังในการทำให้ AI เข้ามาอยู่ในทุกการใช้งานของเรา

    งานนี้มีดาวเด่นมาร่วมด้วย อย่าง Yoshua Bengio จาก University of Montreal ที่เป็นเซเลบในวงการ deep learning และ Stefano Ermon จาก Stanford ที่ co-found startup Inception และเป็นคนสำคัญในการพัฒนา diffusion-based language model ไม่ใช่แค่เรียกพวก YouTuber มานั่งพูดเรื่อง “revolutionary” แล้วก็หาย

    ทำไม Vertical AI ถึงเป็นเกมเชนเจอร์

    Samsung ได้ทิ้งบอมบ์ใหญ่เรื่อง “Vertical AI Strategies” ที่จะปฏิวัติวงการเซมิคอนดักเตอร์โดยสิ้นเชิง โดย Young Hyun Jun รองประธานและ CEO ของ Samsung Electronics บอกตรงๆ ว่า “Samsung กำลังเอา AI มาใช้ในทุกมุมของการทำงานเพื่อสร้างเทคโนโลยีที่ทำให้ AI ใช้งานได้เนียนกว่าเดิมเยอะ

    Vertical AI นี่คือเรื่องใหญ่จริงๆ แทนที่จะสร้าง AI แบบ one-size-fits-all แล้วค่อยๆ ปรับให้เหมาะกับแต่ละงานในอีก 5 ปีข้างหน้า Samsung เลือกทำ AI เฉพาะทางที่ตอบโจทย์แต่ละอุตสาหกรรมเป๊ะๆ ตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลย! ในเรื่องเซมิคอนดักเตอร์ เขาได้พิสูจน์แล้วว่า AI ช่วยออกแบบชิป พัฒนาซอฟต์แวร์ และแก้ปัญหาเทคนิคระดับฮาร์ดคอร์ได้อย่างโคตรเทพ

    Song Yong-ho หัวหน้า AI Center ของ Device Solutions Division บอกว่า “AI เป็นเครื่องมือโคตรสำคัญในการออกแบบชิปและพัฒนาซอฟต์แวร์แล้ว การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เราเลยคาดหวังว่า AI จะช่วยแก้ปัญหาเทคนิคที่โคตรยากได้” ไม่ใช่แค่ใส่โลโก้ “AI” แล้วขายราคาแพงขึ้น 30% แบบบางบริษัท

    ผลกระทบที่ทำให้โลกเทคต้องสั่นสะเทือน

    Samsung AI Forum 2025 ส่งสัญญาณเด็ดมากที่จะเปลี่ยนแปลงวงการเทคโนโลยีโลก โดยวันแรกเป็น private session สำหรับเรื่องเซมิคอนดักเตอร์ ส่วนวันที่สองถ่ายทอดสด YouTube แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี AI semiconductor นี่มันเป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติจริงๆ ไม่ใช่แค่จัด keynote แล้วเอาเวลาไปพูดเรื่อง camera กับสีใหม่ 45 นาที

    เรื่องนี้ชัดเจนมากเมื่อดูการแข่งขันระหว่างประเทศ โดยเฉพาะที่อเมริกาเข้มงวดการส่งออกชิป AI ไปจีน การพัฒนาเทคโนโลยีชิป AI เลยกลายเป็นเรื่องของความมั่นคงแห่งชาติ ไม่ใช่แค่ธุรกิจธรรมดาหรือการรอให้คู่แข่งทำเสร็จแล้วค่อยตาม

    การโฟกัสไปที่ Agentic AI ในวันที่สองแสดงให้เห็นว่า Samsung เตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จาก Generative AI ไปเป็น AI ที่ทำงานได้เอง ตัดสินใจเอง โคตรเทพเลย! ไม่ใช่แค่ upgrade Siri ให้พูดเสียงใสขึ้นหน่อยแล้วเรียกว่า “breakthrough innovation” (เดี๋ยว?)

    ประโยชน์ที่เราจะได้รับ

    การเอา Vertical AI มาใช้ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์มันจะดีแบบสุดๆ Yongin facility ของ Samsung ได้โชว์ให้เห็นแล้วว่าใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบและผลิตชิป ลดเวลาพัฒนา เพิ่มความแม่นยำ ไม่ใช่แค่เอา AI มาช่วยเปลี่ยนสีของข้อความใน keyboard

    AI ช่วยพยากรณ์และป้องกันปัญหาในการผลิต ประหยัดพลังงาน ปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ ในระยะยาวจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งหมายความว่าเราจะได้เทคโนโลยีดีๆ ในราคาที่เหมาะสม ไม่ใช่ต้องจ่าย premium price เพื่อ “ecosystem” ที่ lock เราไว้

    สำหรับเราๆ ผู้ใช้ทั่วไป การพัฒนา AI semiconductor ที่เทพกว่านี้จะทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มี AI ดีขึ้น กินไฟน้อยลง ราคาถูกลง อย่างโทรศัพท์เราอาจจะได้ AI assistant ที่ฉลาดกว่า ChatGPT แต่ใช้งานได้โดยไม่ต้องต่อเน็ต! ไม่ใช่แค่ Siri ที่ยังคงตอบ “I can’t help with that” กับคำถามง่ายๆ ในปี 2025

    การวิจัย Scientist AI ที่ Yoshua Bengio นำเสนอ มันจะแก้ปัญหา AI hallucination (ที่ AI พูดเท็จ) และทำให้ระบบ AI น่าเชื่อถือมากขึ้นในการใช้งานจริง ไม่ใช่แค่ทำให้ AI พูดว่า “I think…” ก่อนจะตอบผิดๆ

    Credit: Samsung NewsRoom

    อนาคตที่คาดไม่ถึง (และไม่ต้องรอ “อีกหน่อย”)

    Samsung AI Forum 2025 วาดภาพอนาคต AI ที่โคตรจะล้ำ! โดยเฉพาะการเปลี่ยนจาก Generative AI ไปเป็น Agentic AI Paul Kyungwhoon Cheun CTO ของ DX Division บอกว่า “เมื่อเข้าสู่ยุค Agentic AI Samsung จะยังคงเน้นพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่ให้ประโยชน์จริงๆ แก่ผู้ใช้”

    Agentic AI นี่แปลว่า AI ที่ทำงานเอง ตัดสินใจเอง ทำตามเป้าหมายโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากเรา มันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการใช้ AI เลย คิดดูสิว่าเราจะมี AI assistant ที่คิดเอง วางแผนเอง ทำงานให้เราเสร็จโดยที่เราแค่บอกเป้าหมายคร่าวๆ! ไม่ใช่แค่ได้ Siri ที่สามารถ set timer ได้ดีขึ้นหน่อย (ซึ่งมันก็ควรจะทำได้ตั้งแต่ปี 2010 แล้วนะ)

    ด้านเซมิคอนดักเตอร์ Samsung คาดว่า AI จะเป็นหัวใจสำคัญในการออกแบบชิปรุ่นใหม่ จำลองกระบวนการผลิต และควบคุมคุณภาพ การใช้ AI ในการพัฒนา EDA tools จะทำให้การออกแบบชิปซับซ้อนๆ ทำได้ง่ายขึ้นเยอะ ซึ่งหมายความว่าเราจะได้ชิปที่เร็วขึ้น แรงขึ้น ประหยัดไฟขึ้น โดยไม่ต้องรอให้ทีมไหนมา “reinvent” ชิปใหม่ทุกๆ 3 ปี

    การรวมระบบ AI แบบ end-to-end ที่ Amit Gupta จาก Siemens EDA แนะนำ จะเป็นกุญแจในการยกระดับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ให้ตอบโจทย์ตลาด AI ที่โตแรงมาก ไม่ใช่แค่รอจนกว่าตลาดจะมีความต้องการแล้วค่อยเริ่มคิด

    สรุป

    Samsung AI Forum 2025 แสดงให้เห็นวิสัยทัศน์โคตรชัดของ Samsung ในการเอา AI มาขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีอนาคต การเน้น Vertical AI Strategies กับความก้าวหน้าที่ Yongin facility แสดงให้เห็นความจริงจังในการสร้างเทคโนโลยี AI ที่ตอบโจทย์จริงๆ ไม่ใช่แค่สร้าง hype แล้วปล่อยให้ community แก้ปัญหาเอง

    การเปลี่ยนจาก Generative AI ไป Agentic AI จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่ส่งผลต่อทุกอุตสาหกรรม ขณะที่การพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ด้วย AI จะเป็นอาวุธลับในการแข่งขันตลาดโลก ไม่ใช่แค่การทำ marketing campaign ที่บอกว่า “เร็วขึ้น 15%” โดยไม่ได้เปรียบเทียบกับอะไร

    Samsung วางตำแหน่งตัวเองเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่ใช้งานได้จริง การลงทุนในการวิจัยแล้วร่วมมือกับ AI genius ระดับโลกแสดงให้เห็นความจริงจังในการสร้างอนาคตเทคโนโลยี AI ที่เจ๋งและมีคุณค่าจริงๆ ไม่ใส่แค่ “Neural Engine” ที่ทำงานเหมือนเดิมแต่มีชื่อใหม่

    ถ้าถามว่าอนาคตจะเป็นยังไง คำตอบคือ มันจะเทพกว่าที่เราคิดไว้เยอะ! แล้วสำหรับ Apple fan ที่อ่านมาถึงตรงนี้ ไม่ต้องเสียใจนะ อีกสัก 2-3 ปี Apple คงจะมี AI ที่ “revolutionary” เหมือนกันแหละ เหมือนที่เคยมี “revolutionary” สมาร์ทโฟนจอใหญ่ในปี 2014 หรือ “revolutionary” wireless charging ในปี 2017 😉

    ทิ้งคำตอบไว้

    กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
    กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

    Must Read

    spot_img