NASA ได้ประกาศเป้าหมายใหม่ที่น่าตื่นเต้นแล้ว – ภารกิจ Artemis II จะปล่อยขึ้นสู่อวกาศในเดือนเมษายน 2026 ซึ่งจะเป็นการส่งมนุษย์กลับไปสู่ดวงจันทร์ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1972 หรือรอบ 54 ปี ที่ผ่านมา
ความพิเศษของภารกิจนี้คือจะมีนักบินอวกาศ 4 คน เดินทางรอบดวงจันทร์และกลับมายังโลกในระยะเวลา 10 วัน เพื่อทดสอบระบบและเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับการสำรวจอวกาศลึก สิ่งที่ทำให้ภารกิจนี้พิเศษมากขึ้นคือมีโอกาสที่การปล่อยอาจเร็วขึ้นไปเป็นกุมภาพันธ์ 2026 หากยานอวกาศ Orion และจรวด Space Launch System (SLS) พร้อมใช้งานเร็วกว่าที่คาดไว้ ทำให้นี่เป็นโมเมนต์สำคัญที่ทั้งโลกรอคอย

ความสำคัญของภารกิจ Artemis II
ภารกิจ Artemis II ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์การสำรวจอวกาศ เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ทศวรรษที่มนุษย์จะเดินทางออกจากวงโคจรโลกต่ำไปสู่พื้นที่ลึกในอวกาศ ภารกิจนี้จะพาทีมงาน 4 คน ประกอบด้วย Reid Wiseman (ผู้บัญชาการ), Victor Glover (นักบิน), Christina Koch (ผู้เชี่ยวชาญภารกิจ) จาก NASA และ Jeremy Hansen (ผู้เชี่ยวชาญภารกิจ) จากแคนาดา
การเลือกใช้เส้นทางการบินแบบ Free-Return หมายความว่านักบินอวกาศจะบินรอบดวงจันทร์โดยไม่เข้าสู่วงโคจร และใช้แรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์ช่วยดึงยานกลับสู่โลกโดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับภารกิจทดสอบครั้งนี้
ที่สำคัญคือภารกิจนี้จะเดินทางไปไกลกว่าที่มนุษย์เคยไปมาก่อน – ห่างจากดวงจันทร์ประมาณ 5,000 ไมล์ทะเล (9,260 กิโลเมตร) ทำให้ดวงจันทร์ดูเล็กลงเมื่อมองจากยานอวกาศ
ผลกระทบต่อการแข่งขันในอวกาศ
โครงการ Artemis เป็นการตอบโต้การแข่งขันด้านอวกาศกับจีนโดยตรง ขณะที่จีนตั้งเป้าส่งนักบินอวกาศลงจอดบนดวงจันทร์ภายในปี 2030 สหรัฐฯ ต้องการแสดงความเป็นผู้นำในการสำรวจอวกาศ
การที่ Jeremy Hansen จากแคนาดาร่วมภารกิจครั้งนี้ยังแสดงถึงความร่วมมือระหว่างประเทศในการสำรวจอวกาศ โดย Hansen จะเป็นคนแคนาดาคนแรกที่เดินทางไปใกล้ดวงจันทร์
งบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์ของโครงการ Artemis สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในการกลับไปสู่ดวงจันทร์และใช้เป็นฐานเตรียมความพร้อมสำหรับภารกิจไปดาวอังคารในอนาคต
ความสำเร็จของภารกิจนี้จะเป็นการพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีของ NASA ทันสมัยและพร้อมสำหรับภารกิจที่ซับซ้อนมากขึ้น
ประโยชน์ที่จะได้รับ
การทดสอบระบบในภารกิจ Artemis II จะให้ข้อมูลสำคัญหลายประการ นักบินอวกาศจะทดสอบระบบสนับสนุนชีวิต ระบบการสื่อสาร และความสามารถในการทำงานของยานอวกาศ Orion ในสภาพแวดล้อมของอวกาศลึก
ข้อมูลที่ได้จากภารกิจนี้จะนำไปพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับ Artemis III ซึ่งจะเป็นภารกิจลงจอดบนดวงจันทร์จริงในปี 2027 รวมถึงการใช้ยาน Starship ของ SpaceX เป็นยานลงจอด
การทดสอบการใช้งานระบบน้ำ ระบบห้องน้ำ และระบบสำคัญอื่นๆ ในสภาพไร้น้ำหนักเป็นเวลา 10 วัน จะให้ข้อมูลสำคัญสำหรับภารกิจระยะยาวในอนาคต
นอกจากนี้ นักบินอวกาศจะช่วยนักวิทยาศาสตร์บนโลกทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับภารกิจสำรวจอวกาศในอนาคต
แนวโน้มในอนาคตของการสำรวจอวกาศ
ความสำเร็จของ Artemis II จะเปิดประตูสู่ยุคทองใหม่ของการสำรวจอวกาศ โครงการ Artemis มีเป้าหมายสร้างฐานถาวรบนดวงจันทร์ เพื่อใช้เป็นจุดพักและเติมเชื้อเพลิงสำหรับภารกิจไปดาวอังคาร
การพัฒนาเทคโนโลยีจาก Artemis จะส่งผลต่อการสำรวจอวกาศเชิงพาณิชย์ บริษัทเอกชนอย่าง SpaceX, Blue Origin และอื่นๆ จะได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเหล่านี้
ในอนาคต เราอาจเห็นการท่องเที่ยวอวกาศไปดวงจันทร์ การขุดแร่บนดวงจันทร์ และการใช้ดวงจันทร์เป็นสถานีเชื้อเพลิงสำหรับการเดินทางไปดาวเคราะห์อื่นๆ
การร่วมมือระหว่างประเทศในโครงการ Artemis จะสร้างแบบอย่างสำหรับการสำรวจอวกาศในอนาคต โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมสำหรับภารกิจดาวอังคารซึ่งต้องใช้ความร่วมมือจากหลายประเทศ
NASA ยังเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปส่งชื่อตัวเองไปพร้อมกับภารกิจ Artemis II โดยลงทะเบียนได้จนถึงวันที่ 21 มกราคม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเปิดกว้างและการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่
สรุป
การประกาศเป้าหมาย เมษายน 2026 สำหรับภารกิจ Artemis II เป็นก้าวสำคัญในการพาเราเข้าสู่ยุคใหม่ของการสำรวจอวกาศ หลังจากห่างหายไปนาน 54 ปี การกลับไปสู่ดวงจันทร์ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การทำซ้ำสิ่งที่เคยทำมาแล้ว แต่เป็นการเริ่มต้นเส้นทางใหม่สู่การสร้างฐานถาวรบนดวงจันทร์และการเดินทางไปดาวอังคาร
เทคโนโลยีที่จะได้จากภารกิจนี้ รวมถึงการทดสอบยานอวกาศ Orion และจรวด SLS จะเป็นรากฐานสำคัญสำหรับอนาคตของการสำรวจอวกาศ ไม่เพียงแต่สำหรับ NASA แต่ยังรวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมอวกาศเชิงพาณิชย์
ความเป็นไปได้ที่การปล่อยอาจเร็วขึ้นเป็นกุมภาพันธ์ 2026 แสดงให้เห็นถึงความพร้อมและความมั่นใจของ NASA ในเทคโนโลยีของตน ขณะเดียวกันก็เน้นย้ำว่าความปลอดภัยยังคงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ทำให้เราทุกคนได้เป็นสักขีพยานประวัติศาสตร์ในการเริ่มต้นยุคใหม่แห่งการสำรวจอวกาศ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nasa.gov/mission/artemis-ii/

