OPPO เพิ่งประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดอย่าง Find X9 และ Find X9 Pro ในตลาดโลกเมื่อ 28 ตุลาคม 2025 โดยรุ่น Pro โดดเด่นด้วยกล้องเทเลโฟโต้ความละเอียดสูงถึง 200 ล้านพิกเซลที่พัฒนาร่วมกับ Hasselblad ซึ่งเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนที่มีกล้องซูมสเปคขนาดนี้
กล้อง 200MP ร่วมกับ Hasselblad คืออะไร
Find X9 Pro มาพร้อมระบบกล้อง Hasselblad Master Camera System รุ่นใหม่ โดยกล้องเทเลโฟโต้ 200MP นี้ใช้เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL HP5 ขนาด 1/1.56 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่ากล้องเทเลโฟโต้ในสมาร์ทโฟนระดับ Pro ของค่ายอื่นๆ ถึง 2 เท่า กล้องตัวนี้มีรูรับแสง f/2.1 ซึ่งเป็นค่ารูรับแสงที่กว้างที่สุดในกลุ่มกล้องเทเลโฟโต้ ทำให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ที่น่าสนใจคือกล้องตัวนี้มีซูมออปติคัล 3 เท่า แต่ใช้เทคนิค pixel binning สามารถซูมแบบไร้สูญเสีย (lossless zoom) ได้ถึง 13.2 เท่า และซูมด้วย AI ได้สูงสุด 120 เท่า นอกจากนี้ยังมีระบบโฟกัสแบบ floating element ที่สามารถโฟกัสได้ใกล้ถึง 10 เซนติเมตร ทำให้ถ่าย tele-macro ได้สวยงามมาก

สเปคเด่นอื่นๆ ของ Find X9 Series
นอกจากกล้อง 200MP แล้ว Find X9 Series ยังมีจุดเด่นอื่นๆ อีกมากมาย:
- แบตเตอรี่ยักษ์: Find X9 รุ่นปกติมีแบตเตอรี่ขนาด 7,025 mAh ส่วน Find X9 Pro มีถึง 7,500 mAh ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มสมาร์ทโฟนเรือธง รองรับชาร์จเร็ว 80W แบบสาย และ 50W แบบไร้สาย
- หน้าจอ: Find X9 มีหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.59 นิ้ว ส่วน Find X9 Pro มี 6.78 นิ้ว ทั้งคู่รองรับ 120Hz และความสว่างสูงสุด 3,600 nits พร้อมขอบจอบาง 1.15 มม. แบบสมมาตรทุกด้าน
- ชิปเซ็ต: ใช้ MediaTek Dimensity 9500 ที่มีประสิทธิภาพสูง มาพร้อม RAM 12-16GB และพื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุด 1TB
ระบบกล้องครบครัน
Find X9 Pro มีกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 50MP พร้อมเซ็นเซอร์ Sony LYT-808 ขนาด 1/1.4 นิ้ว, กล้องอัลตร้าไวด์ 50MP, และกล้องเทเลโฟโต้ 200MP ที่กล่าวไปแล้ว ส่วน Find X9 รุ่นปกติใช้กล้อง 50MP ทั้ง 3 ตัว นอกจากนี้ Find X9 ยังมี True Color Camera ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์สเปกตรัมพิเศษที่วัดแสงรอบข้างเพื่อปรับสีให้แม่นยำขึ้น
OPPO ยังพัฒนา LUMO Image Engine รุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี computational photography ขั้นสูง ช่วยประมวลผลภาพแบบ multi-frame เพื่อเพิ่มรายละเอียด ช่วงไดนามิก และลดสัญญาณรบกวน แม้จะถ่ายที่ความละเอียด 200MP เต็มๆ

ฟีเจอร์พิเศษที่น่าสนใจ
Find X9 Pro มี Hi-Res Mode ที่สามารถบันทึกภาพความละเอียดเต็ม 200MP ได้ แต่จะได้ไฟล์ภาพที่มีขนาดใหญ่มาก นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริม Hasselblad Teleconverter ที่ติดเข้ากับเครื่องได้ เพื่อเพิ่มการซูมออปติคัลเป็น 10 เท่า เหมาะสำหรับถ่ายภาพระยะไกลจริงจัง
ระบบปฏิบัติการใช้ ColorOS 16 ที่พัฒนาจาก Android 16 มีฟีเจอร์ AI เด่นๆ อย่าง AI Portrait Glow ที่ปรับแสงให้พอร์ตเทรตสวยแบบมืออาชีพ และ AI Mind Space ช่วยจัดระเบียบไอเดียและแรงบันดาลใจ รองรับ O+ Connect suite ที่ทำงานได้ทั้ง Mac และ Windows
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ
แม้ Find X9 Series จะมีสเปคที่ดูดีมาก แต่ก็มีข้อควรพิจารณา ภาพที่ถ่ายด้วยโหมด 200MP จะได้ไฟล์ขนาดใหญ่มาก อาจไม่เหมาะกับการใช้งานทั่วไป และความเข้ากันได้กับแอปต่างๆ อาจจำกัด นอกจากนี้ยังไม่รองรับ Qi2 magnets สำหรับการชาร์จไร้สาย
Find X9 Series จะวางจำหน่ายในตลาดโลกตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2025 โดย Find X9 เริ่มต้นที่ €999 (ประมาณ 38,000 บาท) ส่วน Find X9 Pro เริ่มต้นที่ €1,299 (ประมาณ 49,000 บาท)

ศัพท์เทคนิคน่ารู้
- Pixel Binning: เทคนิครวมพิกเซลหลายๆ ตัวเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มแสงและคุณภาพภาพ โดยลดความละเอียดลง
- Periscope Telephoto: กล้องซูมที่ใช้ระบบกระจกสะท้อนแสงแนวนอนภายในตัวเครื่อง ทำให้ซูมออปติคัลได้มากโดยไม่ต้องทำตัวเครื่องหนา
- Floating Element: ระบบเลนส์ที่สามารถเคลื่อนที่อิสระภายในชุดเลนส์ เพื่อปรับโฟกัสได้แม่นยำทั้งระยะใกล้และไกล
- Computational Photography: การใช้โปรแกรมประมวลผลภาพขั้นสูงร่วมกับฮาร์ดแวร์กล้อง เพื่อปรับปรุงคุณภาพภาพให้ดีกว่าที่กล้องจะถ่ายได้เอง
แนวโน้มในอนาคต
การเปิดตัว Find X9 Series สะท้อนให้เห็นว่าสงครามกล้องสมาร์ทโฟนกำลังไปสู่ความละเอียดที่สูงขึ้น โดยเฉพาะกล้องเทเลโฟโต้ที่เริ่มใช้เซ็นเซอร์ 200MP เพื่อให้ซูมได้ไกลโดยยังคงรายละเอียด นอกจากนี้แบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นถึง 7,500 mAh ก็เป็นทิศทางที่ผู้ใช้ต้องการ เพราะต้องการใช้งานได้นานขึ้นโดยไม่ต้องชาร์จบ่อย
สำหรับประเทศไทย แม้ยังไม่มีการประกาศราคาและวันจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่เมื่อดูจากรุ่นก่อนหน้า Find X9 Series น่าจะเข้ามาขายในไทยภายในปลายปี 2025 หรือต้นปี 2026 โดยคาดว่าราคาจะอยู่ในระดับเดียวกับสมาร์ทโฟนเรือธงของค่ายอื่นๆ ซึ่งตลาดไทยให้ความสนใจกับฟีเจอร์กล้องที่แข็งแกร่งและแบตเตอรี่อึดเป็นพิเศษ

