ดาวหาง 3I/ATLAS ที่เพิ่งผ่านจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดไปเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2025 ไม่ได้เป็นเพียงแค่วัตถุท้องฟ้าธรรมดาที่นักดาราศาสตร์จับตาอย่างเดียว แต่กลายเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้งทางวิทยาศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ระดับโลก ออกมายืนยันว่า “มีโอกาส 40% ว่านี่คือเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาว”
ศาสตราจารย์ Avi Loeb กับทฤษฎีที่สั่นสะเทือนวงการ
ศาสตราจารย์ Avi Loeb ผู้อำนวยการศูนย์ดาราศาสตร์ฟิสิกส์ Harvard-Smithsonian อดีตประธานภาควิชาดาราศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ออกมาระบุอย่างชัดเจนว่า 3I/ATLAS มีพฤติกรรมที่แตกต่างจากดาวหางทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ เขาตั้งสมมติฐานว่าวัตถุดวงนี้อาจเป็น “ยานสำรวจที่จงใจส่งมาเพื่อสังเกตการณ์เรา” มากกว่าเป็นดาวหางธรรมชาติ
ทฤษฎีของโลบไม่ได้มาจากการคาดเดาเพียงอย่างเดียว แต่มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลทางคณิตศาสตร์และฟิสิกส์อย่างเข้มข้น เขาเคยประสบความสำเร็จในการชี้ให้เห็นพฤติกรรมผิดปกติของ ‘Oumuamua ซึ่งเป็นวัตถุระหว่างดวงดาวลูกแรกที่มนุษย์พบเจอในปี 2017 และล่าสุดหันมาสนใจ 3I/ATLAS เป็นพิเศษ

หลักฐานและข้อสงสัย 5 ประการที่ท้าทายวิทยาศาสตร์
การที่โลบและนักวิจัยในทีมกล้ายืนยันว่า 3I/ATLAS “มีโอกาส 40% เป็นเทคโนโลยีต่างดาว” มีรากฐานจากปรากฏการณ์แปลกประหลาดหลายอย่าง หลักฐานแรก คือการพบสาร nickel tetracarbonyl ซึ่งบนโลกสารนี้ผลิตได้เฉพาะในโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกระบวนการกลั่นโลหะ และไม่เคยพบในดาวหางธรรมชาติมาก่อน
หลักฐานที่สอง คือพฤติกรรมของหางดาวหางที่พุ่งไปในทิศทาง “anti-solar” หรือเข้าหาดวงอาทิตย์ในช่วงแรก ซึ่งขัดกับหลักฟิสิกส์พื้นฐาน เพราะหางของดาวหางทั่วไปจะถูกลมสุริยะพัดให้พุ่งออกห่างจากดวงอาทิตย์เสมอ แม้จะพบว่าทิศทางกลับตัวในเดือนกันยายน แต่พฤติกรรมในช่วงแรกยังอธิบายไม่ได้
หลักฐานที่สาม คือความน่าจะเป็นทางสถิติที่ต่ำเหลือเชื่อของวงโคจร ข้อมูลจากการคำนวณของทีมวิจัยชี้ว่า โอกาสที่วัตถุจากนอกระบบจะเคลื่อนที่มาอยู่ในแนวเดียวกับระนาบของกาแล็กซี แล้วบินผ่านดาวเคราะห์ 4 ดวงอย่างใกล้ชิดแบบนี้ มีโอกาสเพียง 0.002% ที่จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
หลักฐานที่สี่ คือการเคลื่อนที่ที่ผิดปกติจากดาวหางทั่วไป เมื่อนักดาราศาสตร์ติดตามการเคลื่อนที่อย่างละเอียด พบว่าลักษณะการเคลื่อนที่ของมันคล้ายกับ “ยานอวกาศที่สร้างขึ้นเพื่อภารกิจสำรวจ” มากกว่าการโคจรตามธรรมชาติของดาวหาง
หลักฐานที่ห้า คืออายุที่อาจเก่าแก่กว่าระบบสุริยะถึง 3,000 ล้านปี การวิเคราะห์องค์ประกอบและโครงสร้างของดาวหางบ่งชี้ว่ามันอาจก่อตัวขึ้นก่อนที่ระบบสุริยะของเราจะเกิด ซึ่งทำให้เป็นวัตถุที่เก่าแก่และลึกลับยิ่งขึ้น

ฝ่ายคัดค้านและข้อโต้แย้งจากนักวิทยาศาสตร์กระแสหลัก
แม้ทฤษฎีของโลบจะได้รับความสนใจอย่างมาก แต่นักดาราศาสตร์ส่วนใหญ่ยังยืนกรานว่า 3I/ATLAS เป็นดาวหางธรรมชาติ นักสื่อสารดาราศาสตร์ไทยอย่าง กรทอง วิริยะเศวตกุล ออกมาชี้แจงผ่านช่อง KornKT ว่า “ดาวหาง 3I/ATLAS ไม่ใช่ยานเอเลี่ยน” และอธิบายว่าข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันไม่มีหลักฐานชัดเจนที่บ่งชี้ว่ามันเป็นเทคโนโลยีของต่างดาว
NASA และ ESA ยังคงระบุอย่างเป็นทางการว่า 3I/ATLAS เป็นดาวหางระหว่างดวงดาว และไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อโลก องค์กรทั้งสองยืนยันว่าจะไม่เข้าใกล้โลกในระยะที่เป็นอันตราย โดยจะรักษาระยะห่างอย่างน้อย 1.8 AU (ประมาณ 270 ล้านกิโลเมตร)
ข่าวปลอมและการบิดเบือนข้อมูลบนโซเชียลมีเดีย
สิ่งที่ยิ่งทำให้สถานการณ์สับสนคือการแพร่ระบาดของข่าวปลอมบนโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะข้อความที่อ้างว่า Elon Musk ออกมายืนยันว่า 3I/ATLAS เป็นยานอวกาศเอเลี่ยน พร้อมข้อความว่า “It’s Confirmed, The 3I ATLAS is an Alien Space Craft!” ความจริงแล้ว Elon Musk ไม่เคยออกมาเตือนภัยหรือกล่าวถึงเรื่องนี้เลย
เพจตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่าง “Drama-addict” และสำนักข่าว Cofact ออกมาชี้แจงภายใน 24 ชั่วโมงว่าเป็น “ข่าวลวง” หลายคนที่แชร์พากันลบโพสต์ออก แต่ยังพอพบเห็นได้อยู่บ้าง โดยเฉพาะบน TikTok ที่มีการผลักดันเนื้อหาเกี่ยวกับเอเลี่ยนอย่างรุนแรง
ความหมายเชิงปรัชญาและจิตวิทยาสังคม
เหตุผลที่ 3I/ATLAS กลายเป็นกระแสไวรัลไม่ได้มาจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียว แต่มาจากความปรารถนาของมนุษย์ที่อยากรู้ว่า “เราไม่ได้อยู่คนเดียวในจักรวาล” ผู้ใช้งาน Reddit บางคนแสดงความคิดเห็นว่า “ณ เวลานี้ ฉันหวังว่าเขาจะถูก ความคิดเรื่องมนุษย์ต่างดาวอาจเป็นสถานการณ์ที่ดีกว่า เมื่อพิจารณาจากสภาพโลกที่วุ่นวายในตอนนี้”
ความน่าเชื่อถือของทฤษฎีโลบไม่ได้มาจากความเชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์และฟิสิกส์เท่านั้น แต่มาจาก “ความกล้าที่จะตั้งคำถามกับสมมติฐานเดิมๆ ที่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ยึดติดอยู่” หากสมมติฐานของเขาเป็นจริง นั่นหมายความว่าจักรวาลที่เราเคยรู้จักอาจไม่ได้ว่างเปล่าอย่างที่เราเคยคิด

โอกาสทองในการศึกษาจากยานสำรวจดาวอังคาร
ช่วงที่ 3I/ATLAS ผ่านจุด perihelion นี้เองที่เป็นโอกาสสำคัญของนักวิทยาศาสตร์ เพราะจากโลกจะมองไม่เห็นดาวหางเนื่องจากอยู่หลังดวงอาทิตย์ตั้งแต่ตุลาคมจนถึงธันวาคม แต่ยานสำรวจบนดาวอังคารกลับอยู่ในตำแหน่งที่สมบูรณ์แบบ
มียานสำรวจถึง 6 ลำ ที่พร้อมถ่ายภาพความละเอียดสูงและวิเคราะห์สเปกตรัม ได้แก่ Mars Reconnaissance Orbiter, MAVEN, Mars Express, ExoMars Trace Gas Orbiter ของ ESA, Hope ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, และ Tianwen-1 ของจีน นักฟิสิกส์ Marshall Eubanks ระบุว่า “เราอยู่ในช่วงที่จะได้ข้อมูลการสังเกตการณ์ดาวหางระหว่างดวงดาวที่ละเอียดที่สุดเท่าที่เคยมีมา”
คำศัพท์ที่ควรรู้
Nickel Tetracarbonyl: สารประกอบเคมีที่มีนิกเกิลและคาร์บอนมอนอกไซด์ บนโลกผลิตจากกระบวนการอุตสาหกรรม
Anti-solar Tail: หางของดาวหางที่พุ่งไปทางดวงอาทิตย์ ตรงกันข้ามกับทิศทางปกติ
Hyperbolic Orbit: วงโคจรแบบไฮเปอร์โบลิก บ่งชี้ว่าวัตถุมาจากนอกระบบและจะออกไปไม่กลับ
Perihelion: จุดที่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในวงโคจร เกิดขึ้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2025
Galactic Plane Alignment: การเรียงตัวให้อยู่ในแนวเดียวกับระนาบของกาแล็กซี ซึ่งเป็นไปได้ยากมากสำหรับวัตถุธรรมชาติ
ทิศทางในอนาคตและผลกระทบต่อไทย
การถกเถียงเรื่อง 3I/ATLAS จะยังคงดำเนินต่อไปจนกว่าจะได้ข้อมูลครบถ้วนจากยานสำรวจดาวอังคารในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2025 ข้อมูลที่จะได้จากยานเหล่านี้อาจเปลี่ยนความเข้าใจของมนุษย์เกี่ยวกับจักรวาลไปตลอดกาล หรืออาจยืนยันว่ามันเป็นเพียงดาวหางธรรมดาที่มีพฤติกรรมแปลก
สำหรับประเทศไทย สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) ได้ติดตามข้อมูลและเผยแพร่ข่าวสารอย่างต่อเนื่อง แม้ไทยจะไม่มีกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่พอที่จะศึกษาโดยตรง แต่นักดาราศาสตร์มือสมัครเล่นและผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลจาก NASA, ESA และหน่วยงานวิจัยระดับโลกได้ การพัฒนาความรู้และทักษะในการแยกแยะข้อมูลจริง-ปลอมจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในยุคที่ข่าวลือแพร่กระจายง่ายบนโซเชียลมีเดีย
ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร 3I/ATLAS ได้พิสูจน์แล้วว่าจักรวาลยังคงเต็มไปด้วยความลึกลับที่รอการค้นหา และบางครั้งคำถามที่ดีก็สำคัญเท่ากับคำตอบ

