เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Meta หรือที่เรารู้จักกันใน Facebook ได้ออกมาประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่แกะกล่องชื่อว่า “Vibes” ซึ่งเป็นฟีดวิดีโอสั้นที่สร้างโดย AI ทั้งหมด! ฟังดูล้ำใช่ไหมครับ? แต่เดี๋ยวก่อน… เพราะทันทีที่เปิดตัว ก็เกิดกระแสตีกลับจากผู้ใช้งานอย่างหนักหน่วง วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่า Vibes คืออะไร ทำไมคนถึงไม่ปลื้ม และ Meta กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“Vibes” คืออะไร? มาทำความรู้จักกันก่อน
ถ้าจะให้อธิบายง่ายที่สุด Vibes ก็คือฟีดวิดีโอสั้นที่คล้ายกับ TikTok หรือ Reels แต่ความแตกต่างที่สำคัญคือ วิดีโอทั้งหมดในฟีดนี้ถูกสร้างขึ้นโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) 100% ฟีเจอร์นี้จะอยู่ในแอป Meta AI และบนเว็บไซต์ meta.ai โดยผู้ใช้งานสามารถ:
- สร้างวิดีโอจากข้อความ (Text-to-Video): แค่พิมพ์ไอเดียหรือคำสั่งลงไป AI ก็จะสร้างวิดีโอตามจินตนาการของคุณขึ้นมา
- Remix วิดีโอของคนอื่น: หากเจอวิดีโอ AI ที่ถูกใจ ก็สามารถนำมาต่อยอด ดัดแปลง เพิ่มเพลง ใส่สไตล์ของตัวเอง แล้วโพสต์เป็นเวอร์ชันใหม่ได้
- แชร์ได้หลากหลายช่องทาง: วิดีโอที่สร้างจาก Vibes สามารถโพสต์ลงในฟีดของ Vibes เอง, ส่งเป็นข้อความส่วนตัว (DM) หรือจะแชร์ไปยัง Instagram/Facebook Stories และ Reels ก็ได้
ในช่วงแรก Meta ได้จับมือกับผู้พัฒนา AI สร้างรูปภาพชื่อดังอย่าง Midjourney และ Black Forest Labs เพื่อพัฒนา Vibes ในเวอร์ชันเริ่มต้น ในขณะที่บริษัทเองก็กำลังเร่งพัฒนาโมเดล AI ของตัวเองอยู่ ตัวอย่างวิดีโอที่ Mark Zuckerberg นำมาโชว์ก็มีทั้ง สัตว์ประหลาดมีขนปุยกระโดดไปมา, แมวนวดแป้ง, ไปจนถึงหญิงสาวในยุคอียิปต์โบราณกำลังเซลฟี่ ซึ่งดูแล้วก็แปลกตาและน่าสนใจดี

เสียงตอบรับจากผู้ใช้: “ไม่มีใครต้องการสิ่งนี้!”
แม้คอนเซ็ปต์จะฟังดูล้ำยุค แต่เสียงตอบรับจากผู้ใช้งานจริงกลับสวนทางอย่างสิ้นเชิง คอมเมนต์ในโพสต์ประกาศของ Zuckerberg เต็มไปด้วยความสับสนและไม่พอใจ ความเห็นยอดนิยมส่วนใหญ่มีใจความคล้ายกันว่า “บอกตรงๆ นะ ไม่มีใครต้องการสิ่งนี้” หรือ “พี่มาร์คกำลังโพสต์ ‘ขยะ AI’ ลงบนแอปของตัวเอง”
คำถามสำคัญคือ ทำไมผู้คนถึงรู้สึกต่อต้านฟีเจอร์นี้? เหตุผลหลักๆ มาจากความเอือมระอากับสิ่งที่เรียกว่า “AI Slop” ที่กำลังท่วมท้นโซเชียลมีเดียอยู่ในปัจจุบัน
“AI Slop” คืออะไร? เมื่อคอนเทนต์ AI กลายเป็น “ขยะดิจิทัล”
คำว่า AI Slop เป็นศัพท์สแลงที่เกิดขึ้นใหม่ในโลกอินเทอร์เน็ต หมายถึง คอนเทนต์ (ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ หรือข้อความ) ที่สร้างโดย AI ซึ่งแม้จะดูสวยงามน่าทึ่งในแวบแรก แต่กลับ ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ ความคิดสร้างสรรค์ และความรู้สึกเชื่อมโยงแบบมนุษย์ ลักษณะเด่นของ AI Slop คือ:
- เนื้อหาแปลกประหลาดหรือไร้สาระ: บางครั้งภาพหรือวิดีโอที่ได้ก็ดูผิดเพี้ยนจนน่าสับสนมากกว่าน่าสนุก
- ปริมาณมหาศาล: AI สามารถผลิตคอนเทนต์ได้รวดเร็วและเยอะกว่ามนุษย์หลายเท่า ทำให้มันแพร่กระจายไปทั่วทุกแพลตฟอร์มอย่างรวดเร็ว
- ขาดความคิดริเริ่ม: คอนเทนต์ AI มักจะมีรูปแบบซ้ำๆ เดิมๆ เพราะมันเรียนรู้และลอกเลียนแบบจากข้อมูลที่มีอยู่แล้ว ไม่ได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่จริงๆ
ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียในปัจจุบันต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าฟีดของพวกเขาเต็มไปด้วยวิดีโอและโพสต์ซ้ำๆ ที่เห็นจนเบื่อ การที่ Meta ซึ่งเป็นเจ้าตลาดโซเชียลมีเดีย กลับเลือกที่จะผลักดันฟีดที่เต็มไปด้วย AI Slop จึงเหมือนเป็นการราดน้ำมันเข้ากองไฟ และสวนทางกับสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการ นั่นคือ “ปฏิสัมพันธ์ที่จริงใจและการเล่าเรื่องอย่างสร้างสรรค์” ที่น่าตลกร้ายคือ ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ Meta เพิ่งจะออกมาเตือนครีเอเตอร์ให้เน้นการสร้างคอนเทนต์ที่เป็น “ของแท้” (Authentic) และมีเอกลักษณ์ แต่การเปิดตัว Vibes กลับดูขัดแย้งกับคำพูดของตัวเองอย่างสิ้นเชิง
แล้วทำไม Meta ถึงยังเดินเกมนี้?
แม้จะโดนวิจารณ์หนัก แต่การตัดสินใจของ Meta ก็มีเหตุผลในเชิงกลยุทธ์ซ่อนอยู่
- สงคราม AI ที่ไม่อาจตกขบวน: ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้คือยุคของ AI การแข่งขันระหว่างยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีอย่าง OpenAI (ผู้สร้าง ChatGPT), Google DeepMind และ Anthropic นั้นดุเดือดมาก Meta เองก็ทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อพัฒนา AI ของตัวเอง และเพิ่งมีการปรับโครงสร้างองค์กรตั้งแผนก ‘Meta Superintelligence Labs’ ขึ้นมาโดยเฉพาะ การเปิดตัว Vibes คือการประกาศให้โลกรู้ว่า “ฉันก็อยู่ในเกมนี้เหมือนกัน”
- หาทางสู้ในตลาดวิดีโอสั้น: ตลาดวิดีโอสั้นตอนนี้ถูกครองโดย TikTok และ YouTube การที่ Meta จะสร้างฟีเจอร์มาแข่งตรงๆ อาจเป็นเรื่องยาก การนำ AI เข้ามาผสมผสานจึงเป็นความพยายามที่จะสร้างความแตกต่างและเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้กับตลาด แม้ว่าผู้ใช้อาจจะไม่ชอบในตอนแรก แต่ Meta อาจเดิมพันว่าคนรุ่นใหม่จะเปิดรับการสร้างวิดีโอด้วย AI ในฐานะเครื่องมือแสดงความคิดสร้างสรรค์รูปแบบใหม่
- เก็บข้อมูลเพื่ออนาคต: การปล่อยให้ผู้ใช้งานทั่วไปได้ลองเล่นกับ AI ในวงกว้าง ทำให้ Meta สามารถเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานจริงได้อย่างมหาศาล ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีค่าอย่างยิ่งสำหรับการพัฒนาโมเดล AI และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในอนาคต
บทสรุป: การเดิมพันครั้งใหญ่ที่อนาคตยังไม่แน่นอน
การเปิดตัว “Vibes” ของ Meta ถือเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญที่สะท้อนภาพของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี มันคือการเดินเกมที่กล้าหาญเพื่อกระโจนเข้าสู่สมรภูมิ AI และพยายามสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
อย่างไรก็ตาม การเดิมพันครั้งนี้ก็มีความเสี่ยงมหาศาลเช่นกัน การเพิกเฉยต่อเสียงของผู้ใช้งานที่กำลังเหนื่อยล้าจาก “AI Slop” อาจทำให้ Vibes กลายเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าอับอายของ Meta เหมือนที่เคยพยายามลอกเลียนแบบ Snapchat ด้วย Facebook Stories หรือผลักดัน Metaverse ด้วย Horizon Worlds แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
อนาคตของ Vibes จะรุ่งหรือจะร่วง สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้งานจะยอมรับมันหรือไม่ Meta จะสามารถพิสูจน์ได้หรือไม่ว่าฟีเจอร์นี้เป็นมากกว่า “ของเล่น” ชั่วคราว และสามารถสร้างคุณค่าที่แท้จริงให้กับผู้ใช้ได้ สำหรับตอนนี้ สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ Meta กำลังพยายามอย่างหนักที่จะเป็นผู้นำด้าน AI แต่ดูเหมือนจะยังจับทิศทางไม่ถูกว่าผู้บริโภคต้องการอะไรกันแน่ในโลกที่เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้
แล้วเพื่อนๆ ล่ะครับ คิดว่าฟีเจอร์ “Vibes” จะปังหรือจะพัง? ลองคอมเมนต์มาคุยกันได้นะครับ!

