More
    หน้าแรกMusicฟังเพลงจะไม่เหมือนเดิม! YouTube ส่ง “AI Host” ดีเจปัญญาประดิษฐ์มาเล่าเรื่องเพลงข้างหูคุณ สู้ศึก Spotify โดยตรง

    ฟังเพลงจะไม่เหมือนเดิม! YouTube ส่ง “AI Host” ดีเจปัญญาประดิษฐ์มาเล่าเรื่องเพลงข้างหูคุณ สู้ศึก Spotify โดยตรง

    ในยุคที่ AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์แทรกซึมเข้ามาในทุกอณูของชีวิตเรา ตั้งแต่การทำงานไปจนถึงเรื่องบันเทิง ล่าสุดยักษ์ใหญ่แห่งวงการวิดีโอสตรีมมิงอย่าง YouTube ก็ได้กระโดดเข้าร่วมสมรภูมิ AI ในแวดวงดนตรีอย่างเต็มตัว ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า “AI Music Hosts” หรือที่เราจะเรียกกันง่ายๆ ว่า “ดีเจ AI” บน YouTube Music

    ข่าวนี้สร้างความฮือฮาไม่น้อย เพราะมันคือการประกาศศึกกับคู่แข่งตลอดกาลอย่าง Spotify ที่มีฟีเจอร์ “AI DJ” ครองใจผู้ใช้มาพักใหญ่แล้ว การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของ YouTube ไม่ใช่แค่การเพิ่มลูกเล่นใหม่ๆ แต่มันคือสัญญาณว่า “สงคราม AI บนแอปฟังเพลง” กำลังจะดุเดือดยิ่งขึ้นไปอีก! บทความนี้จะพาทุกคนไปเจาะลึกกันว่า AI Host ของ YouTube คืออะไร ทำงานยังไง และมันจะมาเปลี่ยนประสบการณ์การฟังเพลงของเราไปได้ขนาดไหน

    Image Credit : TechtCrunch

    ทำความรู้จัก “AI Music Hosts” ผู้ช่วยเล่าเรื่องเพลงคนใหม่จาก YouTube

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังฟังเพลงโปรดใน Playlist แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงนุ่มๆ ของดีเจโผล่ขึ้นมาคั่นระหว่างเพลง เพื่อเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับศิลปินคนนั้น หรือเบื้องหลังการทำเพลงที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน… นั่นแหละครับคือคอนเซ็ปต์ของ AI Music Hosts

    ฟีเจอร์นี้คือส่วนหนึ่งของโปรเจกต์ใหม่ที่ชื่อว่า YouTube Labs ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับให้ผู้ใช้งานได้เข้ามาทดลองฟีเจอร์ AI ใหม่ๆ ที่กำลังอยู่ในช่วงพัฒนา โดย AI Host จะทำหน้าที่เหมือนดีเจรายการวิทยุส่วนตัว ที่จะคอยสอดแทรกเรื่องราวน่าสนใจ, เกร็ดความรู้สนุกๆ (Trivia), และคอมเมนต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเพลงที่คุณกำลังฟังอยู่ เป้าหมายหลักก็เพื่อทำให้การฟังเพลงจาก Playlist หรือสถานีวิทยุ (Radio) ที่ปกติอาจจะรู้สึกเรียบๆ กลายเป็นการฟังที่มีชีวิตชีวาและน่าติดตามมากขึ้น

    มันทำงานยังไง? แล้วใครจะได้ใช้ก่อน?

    สำหรับใครที่ได้เข้าร่วมทดลองฟีเจอร์นี้ ในหน้าจอ “Now Playing” ของแอป YouTube Music จะมีไอคอนรูปประกายดาว (Sparkle Icon) ปรากฏขึ้นมา ไอคอนนี้จะเป็นศูนย์ควบคุมเจ้า AI Host ของเรา ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกที่จะ “พัก” (Snooze) เสียงคอมเมนต์ของ AI ชั่วคราวได้ หากอยากฟังเพลงแบบต่อเนื่องไม่มีอะไรคั่น

    แต่ช้าก่อน! ตอนนี้ฟีเจอร์ AI Host ยังอยู่ในช่วงทดลองเท่านั้น และเปิดให้ใช้ในวงจำกัดมากๆ เฉพาะผู้ใช้ใน สหรัฐอเมริกา บางส่วนที่ลงทะเบียนเข้าร่วม YouTube Labs ผ่านเว็บไซต์ youtube.com/new ข่าวดีคือ การทดลองนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิก YouTube Premium ก็มีสิทธิ์ได้ลองใช้ ส่วนจะเปิดให้ผู้ใช้ทั่วโลก รวมถึงในไทยได้ใช้เมื่อไหร่นั้นยังไม่มีกำหนดการที่แน่นอนออกมาครับ

    หมัดต่อหมัด: AI Host (YouTube) vs. AI DJ (Spotify)

    การเปิดตัว AI Host ครั้งนี้ แน่นอนว่าเป้าหมายหลักคือการท้าชนกับฟีเจอร์ AI DJ ของ Spotify ที่เปิดตัวมาก่อนหน้าถึง 2 ปี และประสบความสำเร็จอย่างงดงามจนกลายเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ยอดฮิตที่ทำให้ผู้ใช้ติดหนึบ เรามาลองเปรียบเทียบกันดูดีกว่าว่าทั้งสองค่ายมีแนวทางที่เหมือนหรือต่างกันอย่างไร

    คุณสมบัติAI Music Hosts (YouTube)AI DJ (Spotify)
    แนวคิดหลักสอดแทรกเรื่องเล่า, เกร็ดความรู้ ระหว่างเพลงใน Mixes และ Radio ที่มีอยู่แล้วสร้าง Playlist ใหม่ให้ทั้งหมด พร้อมคั่นด้วยคอมเมนต์ และเลือกเพลงตาม Mood ของผู้ฟัง
    การสร้าง Playlistไม่ได้สร้าง Playlist ใหม่ให้ แต่จะเข้ามาเสริมประสบการณ์การฟัง Playlist เดิมเป็นหัวใจหลักในการสร้างเซสชันการฟังเพลงที่ต่อเนื่องและปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
    บุคลิกของ AIใช้คำว่า “Hosts” (พหูพจน์) ซึ่งอาจหมายถึงในอนาคตจะมี AI หลายบุคลิกให้เลือกมี AI DJ หลักเพียงคนเดียวชื่อ “Xavier” หรือ “X” 
    การควบคุมมีปุ่ม Snooze เพื่อพักการทำงานชั่วคราวได้ผู้ใช้สามารถกดเปลี่ยนแนวเพลงหรือ Mood ได้ และปัจจุบันรองรับการสั่งงานด้วยเสียง
    สถานะปัจจุบันอยู่ในช่วงทดลองวงจำกัดในสหรัฐอเมริกาเปิดให้ใช้ทั่วโลกสำหรับสมาชิก Premium และเป็นฟีเจอร์ที่เสถียรแล้ว

    จะเห็นได้ว่าแนวทางของทั้งสองแอปมีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร Spotify เน้นไปที่การเป็น “ผู้จัดเพลง” ที่รู้ใจ สร้างเซสชันการฟังเพลงให้คุณแบบครบวงจร ในขณะที่ YouTube ดูเหมือนจะเน้นการเป็น “ผู้ให้ข้อมูล” หรือ “นักเล่าเรื่อง” ที่เข้ามาเพิ่มสีสันให้กับการฟังเพลงของคุณมากกว่า

    บทสรุป: ก้าวต่อไปของสงคราม AI ในโลกดนตรี

    การเปิดตัว AI Music Hosts ของ YouTube Music ถือเป็นก้าวสำคัญที่ยืนยันว่าสมรภูมิแอปพลิเคชันสตรีมมิงเพลงนับจากนี้ จะไม่ได้แข่งกันที่จำนวนเพลงหรือคุณภาพเสียงเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่จะวัดกันที่ “ประสบการณ์การฟังเพลงที่ขับเคลื่อนด้วย AI”

    นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เราคงจะได้เห็นฟีเจอร์ที่ล้ำหน้าและมีความเป็นส่วนตัว (Personalized) มากขึ้นเรื่อยๆ จากทั้งสองค่ายและค่ายอื่นๆ ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำเพลงที่แม่นยำขึ้นไปอีกระดับ การสร้าง Playlist จากคำสั่งเสียงที่ซับซ้อน หรือแม้กระทั่งการที่ AI สามารถโต้ตอบกับเราได้เหมือนเพื่อนคนหนึ่ง

    อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้ก็ยังมีความท้าทายอยู่เช่นกัน แม้แต่ YouTube เองก็ยอมรับว่าข้อมูลที่ AI นำมาเล่าอาจมีข้อผิดพลาดได้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร การแข่งขันครั้งนี้ก็ถือเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคอย่างเราๆ ที่จะได้สัมผัสประสบการณ์การฟังเพลงที่แปลกใหม่และสนุกขึ้นกว่าเดิม

    แล้วคุณล่ะครับ คิดว่าดีเจ AI จะเข้ามาเปลี่ยนวิธีการฟังเพลงของคุณได้ไหม? หรือชอบฟังเพลงแบบไม่มีเสียงใครมาคั่นมากกว่า? ลองคอมเมนต์พูดคุยกันได้เลย!

    ทิ้งคำตอบไว้

    กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
    กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

    Must Read

    spot_img
    น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

    ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

    คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

    ยอมรับทั้งหมด
    จัดการความเป็นส่วนตัว
    • เปิดใช้งานตลอด

    บันทึกการตั้งค่า