More
    หน้าแรกFinanceทัวร์ยุคใหม่! ไทยเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวสายคริปโต แลกเหรียญเป็นเงินบาท-ใช้จ่ายผ่าน QR ได้แล้ว

    ทัวร์ยุคใหม่! ไทยเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวสายคริปโต แลกเหรียญเป็นเงินบาท-ใช้จ่ายผ่าน QR ได้แล้ว

    สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวไอทีและผู้ที่สนใจเทรนด์ใหม่ๆ ทุกคน! วันนี้เรามีข่าวใหญ่ที่น่าตื่นเต้นสุดๆ มาอัปเดตกัน ข่าวที่ว่าจะเปลี่ยนโฉมหน้าการท่องเที่ยวไทยไปอีกขั้น โดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวสายเทคและชาวคริปโตทั้งหลาย เพราะล่าสุด รัฐบาลไทยได้เปิดตัวโครงการใหม่แกะกล่องที่ชื่อว่า “TouristDigiPay” ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) เป็นเงินบาทเพื่อใช้จ่ายในประเทศไทยได้อย่างสะดวกสบายผ่านระบบ QR Code ครับ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ข่าวดีสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ยังเป็นก้าวสำคัญที่อาจพลิกฟื้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของบ้านเรา และตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็นศูนย์กลางด้านการเงินดิจิทัล (Digital Finance Hub) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย เรามาเจาะลึกกันดีกว่าว่าโครงการนี้มันเจ๋งยังไง แล้วมันจะทำงานแบบไหนกันแน่

    Source: siam-legal.com

    รู้จัก “TouristDigiPay” โปรเจกต์เปลี่ยนคริปโตเป็นเงินบาท

    หลายคนอาจจะสงสัยว่า TouristDigiPay คืออะไร? พูดง่ายๆ มันคือโครงการนำร่อง (Pilot Program) ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ “คริปโต” สามารถแลกเปลี่ยนสินทรัพย์เหล่านั้นเป็นเงินบาท แล้วนำไปใส่ไว้ในกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet) พิเศษที่สร้างขึ้นสำหรับโครงการนี้โดยเฉพาะ จากนั้นก็สามารถนำเงินบาทในวอลเล็ตนั้นไปสแกนจ่ายค่าสินค้าและบริการต่างๆ ในไทยผ่าน QR Code ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นค่าโรงแรม ร้านอาหาร ช้อปปิ้ง หรือแม้แต่ร้านสตรีทฟู้ดข้างทาง

    หัวใจสำคัญของโครงการนี้คือ นักท่องเที่ยวจะไม่ได้ใช้เหรียญคริปโตจ่ายเงินให้ร้านค้าโดยตรง แต่จะเป็นการ “แลกเปลี่ยนก่อน แล้วค่อยจ่ายทีหลัง” (Conversion First, Payment Later) ซึ่งโมเดลนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาคริปโต และทำให้ร้านค้าได้รับเงินเป็นสกุลบาททันทีเหมือนกับการรับชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันธนาคารตามปกติ โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐหลายแห่ง ทั้งกระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

    ใช้งานยังไง? ไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด

    แม้จะดูเป็นเรื่องเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ขั้นตอนการใช้งานสำหรับนักท่องเที่ยวนั้นถูกออกแบบมาให้ง่ายและสะดวกที่สุด โดยมีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้:

    1. เปิดบัญชี: นักท่องเที่ยวต้องเปิดบัญชีกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ให้บริการ e-Money ที่ได้รับใบอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. และ ธปท.
    2. ยืนยันตัวตน (KYC): เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการฟอกเงิน นักท่องเที่ยวจะต้องผ่านกระบวนการทำความรู้จักลูกค้า (Know Your Customer – KYC) และการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (Customer Due Diligence – CDD) ตามมาตรฐานสากล
    3. แลกเปลี่ยนสินทรัพย์: เมื่อยืนยันตัวตนเรียบร้อย นักท่องเที่ยวสามารถโอนเหรียญคริปโตของตนเองเข้าไปในระบบเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาท
    4. ใช้จ่ายผ่าน QR Code: เงินบาทที่แลกได้จะถูกโอนเข้า “Tourist Wallet” ซึ่งเป็น e-Wallet พิเศษสำหรับนักท่องเที่ยว จากนั้นก็สามารถนำสมาร์ทโฟนไปสแกน QR Code เพื่อชำระเงินตามร้านค้าต่างๆ ทั่วไทยได้ทันที
    Source: สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.)

    ทำไมต้องเป็น “Regulatory Sandbox”? ความปลอดภัยต้องมาก่อน

    คำว่า “Regulatory Sandbox” หรือ “กระบะทรายเพื่อการทดสอบกฎระเบียบ” อาจจะฟังดูแปลกๆ แต่จริงๆ แล้วมันคือแนวทางปฏิบัติที่ชาญฉลาดมากครับ ลองจินตนาการว่า Sandbox คือสนามเด็กเล่นที่มีรั้วรอบขอบชิด เป็นพื้นที่ที่ให้ผู้ประกอบการและหน่วยงานรัฐได้ทดลองนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นเวลา 18 เดือน

    เป้าหมายคือเพื่อศึกษาผลกระทบ จัดการความเสี่ยง และวางกรอบกติกาที่เหมาะสม ก่อนจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในอนาคต สำหรับโครงการ TouristDigiPay มีมาตรการควบคุมความปลอดภัยที่รัดกุมหลายชั้น เช่น:

    • จำกัดวงเงิน: มีการกำหนดเพดานการใช้จ่ายเพื่อควบคุมปริมาณธุรกรรม โดยร้านค้าขนาดเล็กจะรับชำระได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือน ส่วนร้านค้าขนาดใหญ่ที่ผ่านการตรวจสอบเพิ่มเติมจะรับได้สูงสุด 500,000 บาทต่อเดือน
    • ป้องกันการฟอกเงิน: ธุรกรรมทั้งหมดจะถูกตรวจสอบผ่านบัญชีดำ (Blacklist) เพื่อป้องกันการใช้เงินที่ผิดกฎหมาย
    • ไม่สามารถถอนเป็นเงินสด: เงินใน Tourist Wallet จะไม่สามารถถอนออกมาเป็นเงินสดได้จนกว่านักท่องเที่ยวจะปิดบัญชีเมื่อเดินทางกลับ ซึ่งช่วยป้องกันการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์

    เป้าหมายใหญ่: ฟื้นเศรษฐกิจและยกระดับภาพลักษณ์ประเทศ

    การเปิดตัว TouristDigiPay ไม่ใช่แค่การอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากที่ภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวจากจีน ชะลอตัวลง รัฐบาลคาดหวังว่าโครงการนี้จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและคุ้นเคยกับเทคโนโลยีดิจิทัล (Tech-Savvy Tourists) ให้เดินทางมายังประเทศไทยมากขึ้น

    มีการประเมินว่าโครงการนี้อาจช่วยเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวได้ถึง 10% และอาจสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้มากกว่า 1.75 แสนล้านบาท ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นการส่งสัญญาณให้ทั่วโลกเห็นว่าประเทศไทยพร้อมเปิดรับนวัตกรรมทางการเงิน และกำลังก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคอย่างแท้จริง

    บทสรุปและอนาคตของ TouristDigiPay

    โครงการ TouristDigiPay ถือเป็นก้าวที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีคริปโตที่กำลังมาแรงเข้ากับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งเป็นเส้นเลือดหลักของเศรษฐกิจไทยได้อย่างลงตัว ด้วยการสร้างสมดุลระหว่างการเปิดรับนวัตกรรมใหม่ๆ และการกำกับดูแลที่รัดกุม ทำให้ไทยกลายเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ของโลกที่บูรณาการการใช้จ่ายจากสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ากับการท่องเที่ยวได้อย่างเป็นระบบและถูกกฎหมาย

    ในช่วง 18 เดือนของการทดลองนี้ เราคงจะได้เห็นข้อมูลและผลตอบรับที่น่าสนใจ หากโครงการนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี ในอนาคตเราอาจได้เห็นการขยายขอบเขตการใช้งานไปสู่การทำธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงขึ้น เช่น การซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือสินค้าฟุ่มเฟือยอื่นๆ ก็เป็นได้ ซึ่งจะยิ่งตอกย้ำว่าประเทศไทยไม่เพียงแต่เป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยว แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนและผู้ที่อยู่ในโลกดิจิทัลอีกด้วย

    ทิ้งคำตอบไว้

    กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
    กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

    Must Read

    spot_img